ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันแรกของโครงการรับจำนำข้าว โดย ธ.ก.ส.จะเปิดรับเกษตรกรสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตเกษตร หรือบัตรสินเชื่อเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะเริ่มนำร่องใน 5 จังหวัดแรก ซึ่งประกอบด้วยเชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครราชสีมาและอุดรธานี โดยจะรับสมัครจังหวัดละ 1,000 คน หลังจากนั้นในเดือน ธ.ค.54 จะดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบทั่วประเทศ
"หากแผนเป็นไปตามที่กำหนดไว้ทุกประการในวันที่ 7 ต.ค.นี้ จะเปิดรับเกษตรสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกบัตรเครดิตและในวันที่ 1 พ.ย.54 จะเริ่มแจกจ่ายบัตรเครดิตเพื่อไปให้ถึงมือชาวนา ซึ่งในระหว่างนี้ ธนาคารก็จะเรียกประชุมบรรดาผู้ประกอบการร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนกับ ธ.ก.ส.ที่มีอยู่ประมาณ 3,000 แห่ง ในวันที่ 15 ต.ค. เพื่อซักซ้อมความเข้าใจก่อนที่จะเปิดให้บริการจริง หลังจากที่แจกจ่ายบัตรเครดิตไปแล้ว โดยเฉพาะกิจการใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการรูดบัตรเครดิต โดยในเบื้องต้น ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ โดย ธ.ก.ส. ได้ทุ่มงบประมาณเพียงโครงการทั้งหมด 500 ล้านบาท”
นายอรุณ กล่าวต่อ ว่าขณะนี้ ธ.ก.ส. มีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ในโครงการนี้ แต่คาดว่าจะมีปัญหาทางเทคนิคอยู่บ้าง เพราะบัตรเครดิตเป็นเรื่องใหม่สำหรับธนาคารและเกษตรกร จึงจำเป็นต้องกำหนดจังหวัดที่มีความพร้อมจริงๆ ในการนำร่องโครงการ และเป็นจังหวัดที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากบัตรเครดิตชาวนาจะมีวงเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในฤดูกาลผลิตถัดไป
สำหรับบัตรเครดิตชาวนานั้น ธ.ก.ส. จะพิจารณาจากผลการเก็บเกี่ยวของเกษตรกรในฤดูกาลก่อนหน้านี้ เช่น เกษตรกรมีที่นา 20 ไร่ สามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้ 20 ตัน หากจำหน่วยได้ในราคาตันละ 20,000 บาท จะได้รับเงิน 200,000 บาท ซึ่งในจำนวนนี้ ธ.ก.ส. จะให้สินเชื่อในอัตราส่วน 70% ของมูลค่าข้าวที่ขายได้ หรือเป็นเงิน 140,000 บาท ซึ่งในจำนวนนี้ จะแบ่งเงินสดเพื่อให้เกษตรกรมีเงินทุนไว้เตรียมการผลิต เช่น การปรับพื้นที่นา เป็นเงิน 100,000 บาท ที่เหลืออีก 40,000 บาท จะเป็นวงเงินในบัตรเครดิต เพื่อนำไปซื้อปัจจัยการผลิต 3 ชนิด คือ เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และยาปราบศัตรูพืช
นายอรุณ กล่าวด้วยว่า วงเงิน 100,000 บาทที่เป็นเงินสดไว้ใช้เตรียมพื้นที่การเพาะปลูกนั้น ธ.ก.ส.จะคิดอัตราดอกเบี้ยตาม ปกติที่ 7% ต่อปี ส่วนวงเงินสินเชื่อในบัตรเครดิตจะปลอดอัตราดอกเบี้ย 30 วัน หรือ 1 เดือน หลังจากนั้น จะคิดอัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี แต่เนื่องจากรัฐบาลใจดี ขอรับภาระดอกเบี้ยดังกล่าวแทนชาวนา ทำให้ชาวนาไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยไปจนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตและจำหน่ายได้ ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลา 80-120 วัน จึงเท่าว่า ไม่มีอัตราดอกเบี้ยในโครงการนี้ อย่างไรก็ตาม หากชาวนาจำหน่ายผลผลิตไปแล้ว ไม่ยอมนำเงินชำระหนี้บัตรเครดิตจะถูกคิดดอกเบี้ยในอัตรา 10% ต่อปีบวกเบี้ยปรับอีก 3% ต่อปี รวมเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ถูกปรับทั้งหมด 13% ต่อปี ส่วนแผนงานในปีหน้านั้น ได้เตรียมที่จะนำโครงการบัตรเครดิตชาวนาไปใช้กับเกษตรกรชาวไร่ และชาวสวน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น